ในแต่ละวัยของน้องแมวต่างก็ต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละช่วงการเติบโตนั้นร่างกายจะมีการเสริมสร้างพัฒนาการและการเจริญเติบโตของแมวที่ต่างกันออกไป รวมทั้งกิจกรรมในแต่ละวัยและการอยู่อาศัยของน้องแมวก็ต่างกันออกไปด้วย ถ้าอยากรู้ว่าโภชนาการในแต่ละวัยของน้องแมวต้องการสารอาหารอะไรบ้าง เรามาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันค่ะ
ลูกแมว
ช่วงเวลาของลูกแมวจะแบ่งออกเป็นช่วงหลักๆ 2 ช่วง คือ แรกเกิด – 4 สัปดาห์ และ ช่วง 5 สัปดาห์ – 1 ปี ซึ่งช่วงแรก จะเป็นช่วงที่ลูกแมวกินนมแม่แมวเป็นหลัก จะมีพัฒนาการที่รวดเร็วทั้งด้านกล้ามเนื้อ โครงสร้าง รวมทั้งสมองและการมองเห็น เมื่อเข้าสู่ 4-8 สัปดาห์ จะเป็นช่วงเวลาที่ลูกแมวเริ่มเปลี่ยนจากนมแม่มาเป็นอาหารเปียก และ อาหารเม็ดตามลำดับ เพราะลูกแมวจะมีฟันที่แข็งแรง รวมทั้งมีระบบย่อยอาหารที่สมบูรณ์ขึ้น โดยในช่วง 2-4 เดือน จะเป็นช่วงที่ลูกแมวจะมีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด
อาหารลูกแมวจึงควรมีการเสริมด้วยโภชนาการที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
- DHA ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและการมองเห็น
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส มีส่วนช่วยในพัฒนาของกระดูกและฟัน
- โปรตีน ลูกแมวจะต้องการโปรตีนในอาหารสูงกว่าแมวโตเต็มวัยเพื่อใช้ในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
แมวโตเต็มวัย
น้องแมวจะข้าสู่ช่วงโตเต็มวัยที่อายุประมาณ 12 เดือน พัฒนาการด้านขนาดของร่างกายจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากเหมือนกับลูกแมว ทำให้ความต้องการสารอาหารของร่างกายต่างออกไป และรูปแบบกิจกรรมของน้องแมวโตเต็มวัยก็ไม่เหมือนเดิม อาหารแมวในวัยนี้จึงต้องมีสารอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการแตกต่างออกไปด้วย
- โปรตีน การได้รับอาหารที่ประกอบด้วยโปรตีนคุณภาพดี จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
- ไฟเบอร์ มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย และช่วยลดปัญหาก้อนขนในแมว
- พลังงาน ควรเลือกอาหารที่มีพลังงานเหมาะสมสำหรับแมวแต่ละตัว เช่น แมวที่ทำหมันแล้ว ควรเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำ หากเป็นแมวที่เลี้ยงปล่อยนอกบ้าน หรือแมวที่ชอบทำกิจกรรม ควรเลือกให้อาหารที่มีพลังงานสูง เพื่อให้แมวได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง และช่วยลดปัญหาข้อเสื่อมในแมวที่อายุมาก
- วิตามิน กรดไขมัน และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงให้แมวมีผิวหนังที่แข็งแรง ขนสวยเงางาม และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
แมวสูงวัย
เมื่อแมวเริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย เจ้าของจะเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติต่าง ๆ เช่น เชื่องช้าลง เบื่ออาหาร น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงผิดปกติ ขนร่วง ปัญหาระบบขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ปัญหาทางระบบประสาทและการมองเห็น ที่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโรคหรือความเสื่อมของร่างกายตามอายุ ดังนั้นอาหารแมวแก่จึงควรเสริมด้วยโภชนาการต่าง ๆ ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ดังต่อไปนี้
- โปรตีน แมวสูงวัยจะมีความต้องการโปรตีนน้อยกว่าลูกแมว แต่ยังควรได้รับโปรตีนที่เพียงพอต่อการรักษามวลกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- พลังงาน แมวสูงวัยควรได้รับอาหารที่มีพลังงานต่ำ เนื่องจาก ไม่ชอบทำกิจกรรม หรือ มีการขยับตัวที่เชื่องช้าลง ระบบเผาผลาญจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าแมวช่วงวัยอื่น ๆ การให้อาหารพลังงานสูง อาจทำให้แมวสูงวัยมีภาวะน้ำหนักเกิน จนเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้
- ไฟเบอร์ แมวสูงวัยมักจะมีปัญหาเรื่องการทำงานของระบบย่อยอาหาร การให้อาหารที่เสริมไฟเบอร์จะช่วยลดปัญหาท้องผูก และปัญหาก้อนขนในแมวได้ นอกจากนี้การเสริมพรีไบโอติก (Prebiotics) ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของลำไส้ได้ดียิ่งขึ้น
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง และช่วยชะลอปัญหาข้อเสื่อม
- วิตามิน กรดไขมัน และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกายทุกระบบ ทั้งระบบภูมิคุ้มกัน ระบบผิวหนัง ระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายปัสสาวะ ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เป็นต้น
จากบทความข้างต้นจะเห็นว่า แมวแต่ละช่วงวัยมีลักษณะการทำงานของร่างกาย และความต้องโภชนาการที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้แมวมีสุขภาพที่ดี เจ้าของจึงควรหมั่นดูแลเอาใจใส่แมวให้ดีที่สุดด้วยการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของแมวแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เค้าที่คุณรักอยู่กับเราไปนานๆ