หนึ่งในปัญหาของคนเลี้ยงแมวส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะให้เค้ากินอาหารแบบไหนดี หรือ แบบไหนที่จะเหมาะสมกับแมวของเรามากที่สุด แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาแบ่งปันความรู้เรื่องอาหารแมวแต่ละประเภทกันค่ะ
อาหารแมวแบบเปียก
เราอาจะพบอาหารแมวแบบเปียกได้ทั้งในรูปแบบซองและกระป๋อง คุณสมบัติที่สำคัญของอาหารแบบเปียก คือ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ประมาณ 65% ซึ่งสูงกว่าอาหารแมวแบบแห้งหรือแบบเม็ด จะช่วยให้น้องแมวสามารถรับน้ำเข้าสู่ร่างกายไปด้วยในตัว ดังนั้นอาหารแมวแบบเปียกจึงตอบโจทย์สำหรับน้องแมวที่ไม่ชอบดื่มน้ำ นอกจากนี้ อาหารแมวแบบเปียกยังมีหลากหลายรสชาติซึ่งเหมาะสำหรับน้องแมวที่ขี้เบื่ออีกด้วยค่ะ แต่ข้อเสียก็คือ อาหารแมวแบบเปียกมีราคาค่อนข้างแพง หากน้องแมวทานเหลือ ควรรีบเก็บทันที เพราะ ถ้าทิ้งไว้นานกลิ่นอาหารจะจางลง และอาจทำให้น้องแมวไม่ยอมกลับมาทานต่ออีก
อาหารแมวแบบแห้ง
อาหารแมวแบบแห้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เพราะการเคี้ยวจะช่วยทำความสะอาดฟันไปในตัว ช่วยลดคราบจุลินทรีย์และคราบหินปูนบนฟันของน้องแมว นอกจากนี้อาหารแมวแบบแห้งยังสามารถใส่ชามไว้ให้น้องแมวทานได้นานกว่า กลิ่นไม่แรง สามารถเก็บไว้ได้นานอีกด้วย
วิธีการให้อาหารน้องแมวทั้งแบบแห้งและแบบเปียก
สำหรับวิธีการให้อาหารแบบเม็ดนั้น สิ่งแรกที่เราควรใส่ใจคือปริมาณอาหารที่น้องแมวควรได้รับและ ความแตกต่างของปริมาณในแต่ละวัยอีกด้วย เนื่องจากน้องแมวในแต่ละวัยมีความต้องการในอาหารไม่เท่ากัน เบื้องต้นทุกคนสามารถศึกษาปริมาณการให้อาหารที่เหมาะสมได้จากข้อมูลที่ระบุข้างตัวผลิตภัณฑ์มองชูทุกสูตร
ส่วนอาหารแมวแบบเปียก มีข้อดีคือมีรสชาติให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ดังนั้น เราจะมาบอกเคล็ดลับเล็กๆ โดยการให้อาหารเม็ดแบบแห้งเป็นหลัก และ ท็อปปิ้งด้วยอาหารแมวแบบเปียกเพื่อเพิ่มรสชาติ เพิ่มความอยากอาหารให้กับน้องแมว หรืออาจจะสลับมาให้อาหารแบบเปียกในมื้ออาหารแทนอาหารเม็ด เพื่อช่วยเติมน้ำให้กับน้องแมวที่ดื่มน้ำน้อยได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นอาหารแมวแบบแห้งหรือแบบเปียก สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจก็คือการให้น้องแมวของเราได้ทานอาหารที่มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน และอย่าลืมดูปริมาณให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้น้องแมวได้รับอาหารที่มากเกินความต้องการด้วยนะคะ